#Post Title #Post Title #Post Title
Thursday, November 19, 2020

วงการกรรมฐาน

 พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ท่านได้เขียนถึง หลองพ่อปราโมทย์

ลงในมติชน ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เรื่องเหตุเกิดในวงการกรรมฐาน แนวทางการปฏิบัติของท่าน ที่เน้นการดูจิต หรือตามรู้สภาวะ และอาการต่าง ๆ ของจิต ด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่กดข่มอารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนา และไม่แทรกแซง หรือควบคุมบังคับจิตเพื่อให้เกิด ความสงบ ซึ่งรวมถึงการไม่ "กำหนด" หรือ เพ่งที่รูปหรือนามใดๆกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ "รู้" โดยไม่ต้อง "ทำ"อะไรทั้งสิ้น วิธีการดังกล่าว (ซึ่งเรียกอีกอย่างว่าจิตตานุปัสสนาตามหลักสติปัฏฐานสี่) เหมาะกับคนชั้นกลางซึ่งมีนิสัยคิดฟุ้งปรุงแต่ง มากจนยากที่จะทำใจให้สงบดิ่งลึก อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวันโดยไม่เลือกสถานที่และบรรยากาศ ทำให้กรรมฐาน กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้โดยไม่ต้องหลีกเร้นไปอยู่ป่าหรือเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม ด้วยเหตุนี้หลายคนที่นำวิธีการดังกล่าวไปปฏิบัติ จึงเห็นผลได้เร็ว คือมีสติรู้ตัวมากขึ้น จิตใจปลอดโปร่งกว่าเดิม เห็นกายและใจชัดขึ้น การบอกกล่าวจากปากต่อปาก โดยมีซีดีคำ บรรยายของท่านเป็นสื่อการสอน ทำให้ผู้คนหันมาปฏิบัติตามแนวทางของท่านมากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ที่เคยปฏิบัติแนวอื่นแต่ไม่ก้าวหน้าเพราะใช้วิธีเพ่งหรือบังคับจิตจนเครียด --ยกตัวอย่างบทความมาแค่พอสังเขป
[ Read More ]
Monday, July 26, 2010

ทิพย์โอสถ( Best medicine )



ด้วยอานิสงส์ในบทสวดมนต์ จะช่วยคุณได้ในหลายๆกรณี อย่างถ้าคุณเป็นโรคเรื้อรัง รักษาไม่หายส้กที คนไทยส่วนใหญ่ ก็ว่า มันเป็นเวรเป็นกรรม ใช่ ถ้าคิดว่าเป็นเวรเป็นกรรม ฉะนั้นก็ควรอุทิศบุญกุศล ให้กับ เจ้ากรรมนายเวรบ้าง แล้วคุณจะทึ่งกับ ความมหัศจรรย์
โดยฉพาะกับความมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นกับจิตใจและความคิดของคุณ เพราะการเจริญภาวนาด้วยการสวดมนต์ จะทำให้คุณเกิดสมาธิ ไม่มีความคิดที่ฟุ้งฃ่านโดยเฉพาะถ้าคุณสวดมนต์ให้มีเสียงออกมาบ้าง. เมื่อคุณสวดมนต์เป็นประจำ คุณจะเข้าใจถึงสิ่งที่คุณได้...
บูชาพระรัตนตรัย
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อภิปูชะยามิ
บทกราบพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธังภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)
นมัสการพระรัตนตรัย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด ๓ จบ)
ขอขมาพระรัตนตรัย
วันทามิ พุทธัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,
วันทามิ ธัมมัง,สัพพะเมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,
วันทามิ สังฆัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต
ไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ถวายพรพระ (อิติปิโสฯ)
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ (พุทธคุณ)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ (อ่านว่า วิญญูฮีติ) (ธรรมคุณ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ (สังฆคุณ)
พุทธชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ)
พาหุงสะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
นาฬาคิริง คะชะวะรังอะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะ สุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง (อ่านว่า พรัมมัง) วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โยวาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะ เนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ
(* ถ้าสวดให้คนอื่น ให้เปลี่ยนจากคำว่า เม เป็น เต)
ชัยปริตร (มหากาฯ)
มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม* ชะยะมังคะลัง ฯ
ชะยันโตโพธิยา มูเล สักยานัง นันทิ วัฑฒะโน เอวัง อะหัง วิชะโย โหมิ (ถ้าสวดให้คนอื่นเปลี่ยนเป็น ตะวัง วิชะโย โหหิ) ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล
อะปะราชิตะ ปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะ ติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏ ฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะ (อ่านว่า พรัมมะ) จาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณา ปะ ทักขิณา นิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะ เทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวัน ตุ เม* ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะ เทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวัน ตุ เม* ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะ เทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวัน ตุ เม* ฯ
อิติปิโส เท่าอายุ
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
(ให้สวดเกินอายุ ๑ จบ เช่น อายุ ๔๒ ปี ต้องสวด ๔๓ จบ)
บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิด ฯ
บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ

คำอธิษฐานเสริมดวง
1.พุทธัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
ไฟในร่างกายของข้าพเจ้า..ชื่อ.ขอถวายแด่พระพุทธเจ้า เข้าถึงพระนิพพาน ศัตรู มาร กรรม เวร อย่ามีผจญ เดชะพระกุศลจงมาบังเกิด สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลให้เจริญรุ่งเรือง มีทรัพย์สินมหาศาลเป็นทานธาระณะทำความสำเร็จที่ตั้งใจมหัศจรรย์เหนือมนุษย์ทั้งปวง

2. ธัมมัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
ลมที่ข้าพเจ้าหายใจเข้าออกทรงไว้ซึ่ง.ชื่อ..ขอถวายแด่พระธรรมเจ้า เข้าถึงพระนิพพาน ทุกข์ วิตก เศร้าหมอง อย่ามีมารผจญ เดชะพระกุศลจงมาบังเกิด สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลให้เจริญรุ่งเรืองมีทรัพย์สินมหาศาลเป็นทานธาระณะ ทำการงานสำเร็จ มหัศจรรย์เหนือมนุษย์ทั้งปวง

3. สังฆัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
อนาคตปัจจุบันของข้าพเจ้า.ชิ่อ..ขอถวายต่อพระสังฆเจ้า พระอริยสงฆเจ้า เข้าถึงพระนิพพาน บาปทั้งหลาย กรรมทั้งหลาย เวรทั้งหลาย ศัตรูทั้งหลาย อย่ามีมาผจญ เดชะพระกุศลจงมาบังเกิด สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล ตั้งแต่วันนี้ให้เจริญรุ่งเรืองมีทรัพย์สินมหาศาลเป็นทานธาระณะ ตั้งใจทำอันใดให้สมปรารถนามหัศจรรย์เหนือมนุษย์ทั้งปวง

4. อุกาสะ อุกาสะ
ข้าพเจ้า. ชื่อ..ขออัญเชิญเทพยดาทั้งหลาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่มีจริงถึงสิบหกชั้นฟ้าสุราลัย ตลอดจนกระทั่งภูเขาเลากาภูมิสถาน วัดวาอารามที่อยู่ของข้าพเจ้า ล้วนคนดีมีวิเศษมาประจำปกปักษ์รักษา โพยภัยอันตรายใดๆภายนอกภายในขอบขัณฑะสันดานของข้าพเจ้า...ปรารถนางาน เงิน เกียรติยศชื่อเสียง อันหนึ่งอันใดที่ข้าพเจ้าต้องการสิ่งนั้นๆอย่าขัดข้องในใจ ให้สมปรารถนาทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกประการ ตั้งแต่วันนี้ สุขโข โหมิ

วิธีแก้กรรมให้ตนเอง
ข้าพเจ้า... (บอกชื่อตัว).. นามสกุล...............เกิดวันที่.......
วันนี้ข้าพเจ้า ขอตั้งจิตถึงบารมี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั่วสากลโลก รวมถึงองค์เทพองค์พรหม ที่ปกปักษ์รักษา กายสังขาร วิญญาณลุกอยู่ วันนี้ลูกตั้งจิตถวาย...(บุญที่ทำ)....ลูกขอถวายบุญกุศลนี้ แก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ รวมถึงองค์เทพ องค์พรหมทั้งหลาย ให้มีพระบารมีมากขึ้น และขอให้ทุก ๆ พระองค์ นำส่งบุญให้ลูกเจริญขึ้น ทั้งการงาน การเงิน และความรัก ให้ลูกมีเดช ปัญญา โภคะ ทุกภพทุกชาติ และขออุทิศบุญกุศลนี้ ให้กับเจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติ ปัจจุบันชาติ รวมถึงวิญญาณที่ตามมา และ (วิญญาณโปร่งใส) ทุกผู้ทุกคน ศัตรูหมู่มาร มนุษย์ บริวาร ญาติ มิตร คนรับใช้ สามี ภรรยา บุตรธิดา ทุกภพทุกชาติ ขอให้ได้รับ มหากุศลนี้ และอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ให้ขาดจากกัน ณ เดี๋ยวนี้บัดนี้เถอะ สาธุ
ขอให้ข้าพเจ้า มีบุญบารมี สูงขึ้น สูงขึ้น สูงขึ้น เต็มขึ้น เพื่อช่วยสังคมให้สูงขึ้น และสร้างคนให้เป็นพระต่อไป และให้เกิดปัญญาทางธรรม เกิดปัญญาทางโลกทุกคน สมบูรณ์พูนผล ทุกอย่าง ด้วยบุญที่ทำ สาธุ..


อานิสงส์ของการสวด "พาหุงมหากา" หรือ "พุทธชัยมงคลคาถา" มีอยู่ ๘ บท

มีความมุ่งหมายแตกต่างกันทั้งแปดบท ดังนี้คือ
บทที่ ๑ สำหรับเอาชนะศัตรูหมู่มาก เช่น ในการสู้รบ
บทที่ ๒ สำหรับเอาชนะใจคนที่กระด้างกระเดื่องเป็นปฏิปักษ์
บทที่ ๓ สำหรับเอาชนะสัตว์ร้ายหรือคู่ต่อสู้
บทที่ ๔ สำหรับเอาชนะโจร
บทที่ ๕ สำหรับเอาชนะการแกล้ง ใส่ร้ายกล่าวโทษหรือคดีความ
บทที่ ๖ สำหรับเอาชนะการโต้ตอบ
บทที่ ๗ สำหรับเอาชนะเล่ห์เหลี่ยมกุศโลบาย
บทที่ ๘ สำหรับเอาชนะทิฏฐิมานะของคน

และนี่คือ ยานอนหลับ ที่ดีที่สุด

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ .*** ท่องไปเรื่อยๆ จนหลับ...


[ Read More ]
Monday, June 21, 2010

เรื่องของจิตใจ

ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว !

วันนี้มีเรื่องเล่า เกี่ยวกับอำนาจของดวงจิต ที่มีอยู่เหนือร่างกาย เป็นเรื่องที่เกิดจากความบังเอิญ โดย ที่ชาเต็ล และ วาร์โคสิเยร์ เล่าไว้ว่า หญิงคนหนึ่ง อยู่ในบ้านกับบุตรน้อยคนหนึ่งซึ่งพึ่งคลานได้ หญิงนั้นกำลังจัดเสื้อผ้าเรียงใส่ตู้ ปล่อยบุตรให้คลานเล่นอยู่ใกล้ๆ เผอิญบุตรนั้นคลานไปที่หน้าเตาไฟสำหรับอบห้องให้อุ่น ซึ่งในเวลานั้นไม่ได้จุดไฟไว้
และแล้ว เด็กน้อยก็ดันไปกดปุ่ม ที่สำหรับเลื่อนฉากเหล็กบังหน้าเตา ฉากนั้นเลื่อนลง พอมารดาได้ยินเสียงฉากเหล็กเลื่อนลงมา ก็เหลียวมาดู เห็นฉากนั้นตกลงมาใส่ลูกตัวเองนั้นท่าทางของเด็กดูเหมือนนักโทษประหารชีวิต กับเครื่องกิโยติน(หรือเครื่องประหารหัวสุนัขในเรื่องเปาปุ้นจิ้น) แม่เด็กตกใจจนสลบไป เดชะบุญที่ฉากเหล็กนั้นเลื่อนลงมาเพียงครึ่งเดียวไม่ได้ทำอันตรายอันใดแก่เด็ก

ด้วยความตกใจอันนี้ส่งผลให้ที่คอของแม่เด็กมีรอยห้อเลือด เป็นทางยาวเฉพาะตรงที่ๆเขาตัดคอนักโทษ รอยนี้ติดอยู่นานหลายชั่วโมง
และอีกเรื่องหนึ่ง ที่เกิดขึ้นโดยการทดลอง เป็นที่ทำกันในอเมริกาและเป็นเรื่องที่โด่งดังมากในอดีตและมีเขียนไว้ในหนังสือของศาสตราจารย์ดิวมองค์ คือทดลองกับบุคคลคนหนึ่งที่ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต โดยบอกวิธีที่ทำการทดลองให้กับนักโทษคนนั้นฟังว่า จะนำไปมัดไว้ในห้องมืด และจะแทงให้เลือดไหลตลอดคืน จะมีภาชนะรองเลือดจนกว่าจะเสียชีวิต นักโทษได้ฟังก็ยินยอม
เมื่อถึงวันที่กำหนดจึ่งได้นำนักโทษคนนั้นไปไว้ในห้องมืดเวลากลางคืน มัดแขนขาติดกับ เก้าอี้ที่ตรึงไว้ ไม่ได้เป็นการทรมานเกินไป ในห้องมีอากาศถ่ายเทดี จากนั้นก็ทำเป็นเอามีดกรีดขานักโทษ แล้วคนที่อยู่ห้องข้างๆก็เปิดท่อเล็กๆให้น้ำไหลหยดลงถังที่เตรียมไว้ใต้เก้าอี้ เพื่อเป็นที่รองเลือด นักโทษนั้นจะได้ยินเสียงน้ำหยดลงถังก็เข้าใจว่าเป็นเลือดตัวเองหยด ทั้งที่แท้จริงแล้วตัวเองไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมายเลย เพราะการที่เอามีดกรีดขานั้นไม่ได้กรีดจริงเป็นการกรีดที่ไม่ถึ่งกับเลือดออก นักโทษนั้นฟังน้ำหยดตลอดคืนโดยเข้าใจว่าเลือดของตัว พอรุ่งขึ้นนักโทษผู้นั้นก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว

ทั้ง 2 เรื่อง แสดงให้เห็นว่า อำนาจในดวงจิต มีอำนาจเหนือร่างกาย เรื่องที่เล่ามาเป็นในส่วนที่ไม่ดี ถ้าเราคืดในทางกลับกัน คือใช้กำลังดวงจิตในทางที่ดี เช่น คนที่เจ็บไข้ ที่มีกำลังใจดีคิดในทางที่ดี ก็ย่อมช่วยให้หายเจ็บไข้ได้ อย่างรัสปูติน ที่ดื่มยาพิษโดยไม่เป็นอันตรายใดๆ เพราะเขารู้จักใช้จิตตานุภาพรักษาตนเอง ...!

[ Read More ]
Wednesday, June 09, 2010

รู้ไม๊ว่า...คุณก็มี..อำนาจจิต(Willpower)

อำนาจจิต ในที่นี้หมายถึง จิตที่มีอานุภาพบังคับตัวเองได้ และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้บังคับเคราะห์กรรมได้(ถ้าได้รับการฝึกฝน) อำนาจจิตในที่นี้ก็คือ จิตตานุภาพ นั้นเอง เรื่องนี้คือเราเคยอ่านจากหนังสือ จิตตานุภาพ ของหลวงวิจิตรวาทการ เมื่อสมัย ตอนเป็นเด็ก ตอนนี้หนังสือเก่ามาก แต่ในเรื่องของอำนาจจิตที่เราได้เรียบเรียงมาใหม่อาจมีส่วนคล้ายกับในหนังสือนี้บ้าง  และเสริมด้วยหนังสือที่เกี่ยวกับจิตใต้สำนึกอีกหลายๆเล่ม เป็นเพราะประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา เราอาจจะหาข้อพิสูจน์ในลักษณะของอำนาจจิตที่เป็นปาฏิหารย์ได้ แต่ในส่วนของคนที่ฝึกมาบ้างเล็กๆ ตามวิถีชีวิตที่เป็นปรกติ เชื่อได้ว่า อำนาจจิต ที่ทุกคนมีมานั้น มิได้ได้แต่ต่าง เพียงแต่ภาวะจิตที่นิ่งและมีสมาธิของคนเราแต่ละคน ไม่เท่ากัน
ฉะนั้น ! ถ้าคุณเป็นคนที่มี จิตตานุภาพ คุณเป็นคนที่ ....

...เป็นคนที่ บังคับความหลับและความตื่นได้ หมายถึงการเป็นคนที่หลับง่าย และสามารถกำหนดเวลาตื่นเองได้

...เป็นคนที่ ทำความคิดให้ปลอดโปร่งว่องไว ในเวลาที่ตื่นขึ้นแล้ว

...เป็นคนที่ เปลี่ยนความคิดได้ตามต้องการ

...เป็นคนที่ สงบใจได้ แม้ตกอยู่ในอันตราย

...เป็นคนที่ เปลี่ยนนิสัยความเคยชิน จากร้ายมาหาดีได้

...เป็นคนที่ รู้จ้กอยู่กับตัวเอง เพื่อตรวจตราตัวของตัวเอง โดยสม่ำเสมอ

...เป็นคนที่ รู้จ้กที่จะ รักษาตัวได้ด้วยจิดดานุภาพ
ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่ มีอำนาจจิต เหมือนอย่างที่กล่าวมานั้น คุณสามารถ ปลุกอำนาจจิต ภายในตัวคุณ ให้ตื่นขึ้นมา ให้คุณได้ใช้อำนาจจิตบังคับตนเอง ตลอดจนบังคับเคราะห์กรรมได้ บางครั้งคุณอาจจะสงสัยว่าถึงขนาดบังคับเคราะห์กรรมได้เลยหรอ เหตุง่ายๆคือ ในหลักของหนังสือ The Secret  ที่เขียนถึงหลักการของกฏแห่งแรงดึงดูด ถ้าเราใช้จิตที่ดี คิดถึงแต่เรื่องดีๆ สิ่งดีๆก็จะเข้ามาหาคุณอย่างแน่นอน
แล้วเราจะำมีจิตที่มีอานุภาพ(อำนาจจิต) อย่างที่ต้องการได้อย่างไร มีหลักใหญ่ๆอยู่คือ

  1. การวางความคิดให้เป็นระเบียน เขาว่ากันว่ามนุษย์เราคิดเรื่องต่างๆในวันๆหนึมากกว่า 50,000เรื่อง เพราะคนเรามักปล่อยความคิดไปเรื่อยเปือย อย่างเช่นเวลาทีเรานั่งรออะไรสักอย่าง เชื่อเลยว่ามีความคิด108ลอยวนอยู่ในหัวแน่ๆเลย ฉะนั้นเราควรคิดถึงปัจจุบัน ณ ขณะนั้นเท่านั้น อย่าเป็นคนคิดฟุ้งซ่าน อย่าคิดในด้านลบ แล้วจะอยู่อย่างไรไม่ให้คิดอะไรเลย ถ้าคนที่เคยฝึกจิตทำสมาธิคงเข้าใจ (อยู่กับลมหายใจเข้าออก ตรงนี้ถือเป็นกุศลจิตที่ดีมากๆสำหรับมนุษย์)เมือความคิดเป็นระเบียนจิตก็จะ ไม่ส่ายไปส่ายมา 
  2. หัดมีหัวใจที่กล้าแข็ง คนที่ใจออ่นมักโดนหลอกเสมอ ไม่เกี่ยวกับการเป็นคนใจดี เพราะมันไม่เหมือนกัน คนใจอ่อนมักจะไม่มีความมานะพยายาม  หวาดกลัว และขี้ตกใจ และคนที่มีหัวใจกล้าแข็งก็ไม่ใช่ลักษณะของคนดื้อ หลักสำคัญคือเราจะต้องพูดหรือคิดด้วยความจริงใจ ไม่สักแต่ว่าทำพอเป็นพิธี การแสวงหาคุณสมบัติให้แก่ดวงจิต ย่อมต้องกระทำด้วยความซื่อสัตย์ของดวงจิตเอง 
  3. บำรุงร่างกาย อาจคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับร่างกาย จิตเราก็ต้องการร่างที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกิน อยู่ นอนหลับ และการออกกำลังกาย ล้วนแล้วแต่มีผลกับสภาพร่างกายทั้งสิ้น
  4. การมีลมหายใจที่แข็งแรง

เดี๋ยวมาเขียนต่อ..น่ะ Drag and drop me

 
[ Read More ]
 
 

Total Pageviews

Ideas Delivery

เรื่องเล่า วันสบาย...!

Day comfort

Graphic Design

Work at home on the internet.