Sunday, July 05, 2009

กฎของแรงดึงดูด

Law of attraction....! ความลับคือกฎของแรงดึงดูด ตามกฎที่ว่า สิ่งที่เหมือนกันดึงดูดสิ่งที่เหมือนกัน มันเป็นกฎที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล และมันกำลังทำงานอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เราทำคือ เราดึงดูดสิ่งที่เราต้องการเข้ามาในชีวิต นั่นคืออะไรก็ตามที่เรากำลังคิดและรู้สึกอยู่
ทฤษฎีอธิบายว่า เราสร้างสถานการณ์ของเราขึ้นจากสิ่งที่เราเลือกในชีวิต และสิ่งที่เราเลือกนั้นได้รับเชื้อเพลิงจากความคิดของเรา นั่นหมายถึง ความคิดของเราทรงพลังที่สุดบนโลกใบนี้


Placing the right order กฎของแรงดึงดูดบอกไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณ ไม่ว่า ดีหรือร้าย คุณดึงดูดสิ่งเหล่านี้เข้ามาด้วยตัวของคุณเอง เหมือนการที่คุณไปที่ภัตตาคารและสั่งอาหาร คุณก็จะคาดหวังในสิ่งที่คุณสั่งไปว่าจะต้องมาอย่างถูกต้อง นั่นก็คือแนวทางของจักรวาลเช่นกัน คุณสั่งลงไป ไม่ว่าจะรู้สึกตัวหรือไม่รู้สึกตัว เช่น ถ้าคุณพูดว่า “ฉันไม่เคยได้รับความจริงใจเลย” นั่นแหละคุณกำลังออกคำสั่งกับจักรวาล ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเพ่งความสนใจ สามารถจะมีผลต่อชีวิตของคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกของเรา จะส่งคลื่นออกไปในจักรวาล และ อะไรก็ตามที่สั่นสะเทือนในคลื่นความถี่เดียวกัน จะถูกดึงดูดเข้ามาในชีวิตของคุณ คนส่วนใหญ่มักจะเพ่งความสนใจไปอยู่กับสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น เป็นหนี้ น้ำหนักเกิน ไม่มีความสุข เศร้า ความคิดต่างๆที่เป็นทางลบ หรือเรากำลังอยู่ในสงคราม อะไรก็ตาม ยิ่งคุณคิดถึงมันมากเท่าไหร่ และเพ่งความสนใจไปยังมัน พูดถึงมันบ่อยๆ มันก็ยิ่งดึงดูดสิ่งลบๆเหล่านี้เข้ามาในชีวิต

Three for three ถึงแม้ความคิดจะเป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างมาก แต่ความรู้สึกที่สร้างความคิดของคุณนั้นสร้างสิ่งที่ดึงดูดเข้ามาในชิวิตอย่างแท้จริง บ่อยครั้งมากที่คนคิดถึงการมีรูปร่างที่ดี แต่เมื่อเขามองตาชั่งแล้วพบว่าเขามีน้ำหนักเกิน แล้วเขาก็คิดว่า ฉันคงทำไม่ได้หรอก.. ดังนั้นเขาก็เลยคิดลบ แทนที่เราจะจมอยู่กับความคิดเหล่านั้น เราต้องมองหาหนทางที่จะค้นหาข้อคิดที่ดีในสถานการณ์นั้นให้ได้ คุณต้องหยุดคิดเรื่องน้ำหนัก แต่ให้มองหาหนทางที่จะทำให้สุขภาพดีขึ้น และทำให้ชีวิตทั้งหมดดีขึ้น การเก็บรักษาความคิดที่เป็นบวก เป็นหลักการหนึ่งของความสำเร็จ การดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต ทำได้โดยการออกคำสั่งกับจักรวาลด้วยความคิดและความรู้สึกที่ถูกต้อง โดยการกระทำที่เรียกว่า three for three คือ ความคิดของคุณ ความรู้สึกของคุณ และการกระทำของคุณ ควรจะเปล่งประกายออกมาในทิศทางเดียวกัน การมองเห็นอนาคตที่คุณต้องการ สามารถช่วยให้ความคิดและความรู้สึกของคุณเป็นไปตามความต้องการของคุณ ความคิดและความรู้สึกเกิดขึ้นได้ง่ายๆกับคนทุกคน แต่คุณจำเป็นที่จะต้องลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของคุณ บางคนเอาแต่นั่งคิดฝันเห็นเงินเป็นล้านๆลอยเข้ามา แต่ไม่คิดจะทำอะไร สิ่งสำคัญคือคุณต้องลงมือกระทำ ตัดสินใจว่าคุณต้องการจะไปทิศทางไหน ต่อสู้กับสิ่งที่คุณมีอยู่ในปัจจุบัน

Taking control of your destiny ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้เกิดจากพลังงาน ซึ่งถูกควบคุมด้วยความคิดและความรู้สึก ความคิดนั้นถูกส่งออกไปได้เป็นระยะทางที่ยาวไกลมาก คุณสามารถส่งสัญญาณออกไปหาผู้คนได้มากมายโดยที่คุณไม่รู้ตัว และสัญญาณเหล่านี้ถูกดึงดูดเพราะเป็นสัญญาณประเภทเดียวกับคุณ นั่นแปลว่า ในโลกนี้ไม่มีสิ่งบังเอิญ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากทฤษฎีและกฎของจักรวาล และด้วยเหตุนี้เราจึงมีพลังอันไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริงในการดึงดูดสิ่งต่างๆเข้ามาในชีวิตความคิด ซึ่งเกิดจาก ประสบการณ์ คำพูด และ การกระทำ กลายมาเป็น ความรู้สึกที่เป็นคุณภาพของชีวิตคุณ คนแต่ละคนสามารถเริ่มสร้างความรู้สึกที่ดีบางอย่าง เช่น ความรู้สึกสำนึกบุญคุณ ความรัก ความสงบและสันติสุข และจักรวาลเริ่มจะรับรู้ และพยายามหาคลื่นที่ใกล้เคียงกับความรู้สึกของคุณและส่งมันกลับมาหาคุณ และคลื่นเหล่านี้จะถูกส่งมาหาคุณอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่คุณยังมีความรู้สึกดีๆแบบนั้นอยู่ นั่นหมายถึง ทุกๆคน สามารถปลดปล่อยตัวเองจากความรู้สึกที่ตกต่ำด้อยค่าเหมือนการตกเป็นเหยื่อ มาสู่ชิวตที่คุณสามารถกำหนดชะตาชีวิตของคุณเองได้..

The gratitude conveyor belt ความรู้สึกสำนึกบุญคุณเป็นตัวอย่างของพลังดึงดูดของจักรวาล โดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีอะไรใหม่ๆเข้ามาในชีวิต จนกว่าคุณจะเปิดตัวเองจากการรู้สึกสำนึกบุญคุณในสิ่งที่คุณมี จักรวาลนั้นมีเครื่องลำเลียงสิ่งต่างๆเข้ามาหาคุณ และเมื่อคุณได้รับบางสิ่งบางอย่าง มันจะทยอยเข้ามาหาคุณอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนัก ครอบครัว เพื่อนและสิ่งที่คุณได้รับในชีวิต หลายๆคนที่ต้องการสิ่งต่างๆในชีวิตให้ดีขึ้น แต่กลับไปเพ่งมองสิ่งที่ผิดพลาดในปัจจุบัน แทนที่คิดจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผิดพลาด ให้คุณชื่นชมกับสิ่งดีๆที่คุณมี สำนึกบุญคุณและชื่นชม โดยการกระทำแบบนั้น คุณจะเพิ่มพื้นที่ในการรับสิ่งดีๆเข้ามา เช่นเดียวกับการลดน้ำหนัก แทนที่จะเพ่งมองในน้ำหนักที่คุณลดไม่ได้ ให้ยอมรับสิ่งที่คุณเป็นในขณะนั้น รักตัวเอง รักน้ำหนักของคุณ สัดส่วนทุกนิ้ว นั่นเองคุณได้เริ่มเชื้อเชิญสิ่งที่ดีขึ้น ดีขึ้นเข้ามาในชีวิต

The conscious versus the unconscious พลังงานส่วนใหญ่ที่ถูกส่งกลับมาในโลกเรา มักจะเกิดจากความคิดที่ไม่รู้ตัว คนส่วนใหญ่ไม่ได้ควบคุมความคิดของตัวเอง มันเหมือนกับสั่งว่า ให้เรื่องร้ายๆเกิดกับฉันเถอะ และมีความกลัวที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เช่น กลัวการเป็นหนี้ มีความวิตกกังวล และมันก็ถูกส่งกลับไปหาเขาอย่างแม่นยำ ในที่สุดความกลัวและกังวลใจก็เกิดเป็นความรู้สึกที่เป็นจริง สิ่งที่คิดร้ายๆจะกลายเป็นจริง ไม่ใช่ความเชื่อทางศาสนา และแต่เป็นความจริงในจักรวาล และสิ่งที่คิดดีๆก็จะกลายเป็นจริงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ความรัก ความสงบ ความฉลาด ความสนุกสนาน จิตวิญญาณเหล่านี้พร้อมที่จะแผ่ขยายในคนที่คิดถึงมัน และสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราควรตระหนักให้มากขึ้นและมากขึ้น ชีวิตเราถูกเติมเต็มไปด้วยคลื่นความถี่ต่างๆ ที่ถูกดึงดูดมาจากความคิดของเรา การที่จะให้จิตวิญญาณของเราเติบโตและงอกงาม เราต้องระมัดระวังอย่างมากว่าเรากำลังเป็นคนประเภทไหนอยู่

Using the Secret to improve dire financial straits Ryan Bell, แม่หม้ายที่เลี้ยงลูกสาว อายุ 4 ขวบ ติดหนี้อยู่ ถึงหนึ่งล้านห้าแสนบาท เธอคิดมันวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา เธอเริ่มกู้เงินตั้งแต่ยังเรียนในมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบ ได้งาน ตั้งครรภ์ และแต่งงาน ตอนนั้นเอง เงินกู้สมัยเรียนก็เริ่มส่งบิลมาเก็บ และเธอก็ทำบัตรเครดิตเพื่อเอาเงินมาชำระหนี้ และยังจ่ายค่าเล่าเรียนที่กู้มาของสามีด้วย และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เธอหย่ากับสามี และรับผิดชอบหนี้สินและเลี้ยงลูกเพียงลำพัง จากที่มีรายได้จาก 2 คนเหลือเพียงคนเดียว แต่หนี้สินยังเป็นเหมือนเดิม เพื่อที่จะเลี้ยงลูกสาวและชำระหนี้ เธอได้งานเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าราคาแพง และหลังเลิกงานและเอาลูกเข้านอนเธอก็ทำธุรกิจจากที่บ้านผ่านระบบอินเตอร์เนต เธออยากทำให้มีรายได้มากกว่านี้ แต่เธอมีเวลาจำกัด และไม่รู้จะทำอย่างไร ทุกวันนี้เธอรู้สึกว่ากำลังดิ้นรนและขัดสน เธอไม่อยากเปิดตู้จดหมายเลยเพราะเธอรู้ว่ามีบิลกองโตกองอยู่ในนั้น เธอรู้สึกไม่สบาย เหนื่อย ท้อ รู้สึกว่าเธอตกเป็นเหยื่อ และมองหาหนทางที่จะหลุดพ้นจากวงจรหนี้เสียที

Achieving financial freedom สิ่งที่ไรอันเลือก ดึงดูดหนี้สินเข้ามาหาเธอ เพื่อที่จะดึงดูดทางแก้ปัญหา เธอต้องเปลี่ยนสิ่งที่เธอเพ่งมองจากหนี้สินเป็น ชีวิตที่เธอและลูกต้องการอย่างแท้จริง หลังจากที่เธอมีอิสรภาพทางการเงิน สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือคำพูดของเธอทีมีความหมายเกี่ยวกับหนี้สินของเธอ เช่น “ฉันกำลังพยายามดิ้นรนหาเงินมาใช้หนี้” นี่ไม่ใช้ชีวิตที่เธอต้องการ เมื่อมีคนถามว่าเธอเป็นไงบ้าง ให้ตอบว่า เยี่ยมยอดที่สุด เจ๋งไปเลย แม้ว่าคุณกำลังอยู่ในท่ามกลางปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด “ฉันเยี่ยมยอดที่สุด” เพราะฉันจะผ่านมันไปได้ พยายามหาแผนงานที่จะไปยังความฝันของคุณ เช่นเรียนรู้แผนงานที่จะใช้หนี้อย่างชาญฉลาด และทุ่มเทพลังงานกับการที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน และหนทางที่มีความสำคัญที่สุดในการที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน คือการให้อภัยสามีเก่าที่เขาทิ้งเธอไปพร้อมกับหนี้ก้อนโต ให้รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน ในความรู้สึกของคุณ ถึงแม้เขาจะทำแบบนี้คุณก็สามารถมีอิสรภาพทางการเงินได้ การกระทำของเขาไม่สามารถขัดขวางคุณจากโชคชะตาที่คุณกำหนดได้ ไม่ได้แปลว่า เขาไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่เพื่อปลดปล่อยคุณให้เป็นอิสระต่อความคิดที่คุณตกเป็นเหยื่อ

How do you forgive? การให้อภัยที่แท้จริง คือการพูดกับคนที่ทำร้ายคุณว่า “ขอบคุณที่ให้ประสบการณ์ที่มีค่ากับฉัน” เมื่อมีเหตุการณ์เศร้าใจ เสียใจที่เกิดขึ้นกับคุณ คุณเสียใจได้ แต่ในขณะเดียวกัน คุณต้องมองหาบทเรียนที่มีค่าที่เกิดขึ้นเบื้องหลังเหตุการณ์นั้น ที่ซึ่งคนที่กล้าหาญจะถามตนเองว่า ฉันจะใช้ประโยชน์จากบทเรียนนี้อย่างไร ถ้าคุณเรียนรู้ที่จะค้นหาคุณจะพบ และอย่างที่สอง ถามตนเองว่า ฉันเรียนรู้อะไรบ้างจากสถานการณ์นี้ ถึงแม้ว่าคุณจะยังหาไม่พบในตอนนี้ ก็ขอให้ยังคงความคิดที่เป็นไปในทางบวกเสมอ เพื่อจะได้มั่นใจว่าคุณกำลังดึงดูดสิ่งที่ถูกต้อง คิดเสมอว่า มันต้องมีสิ่งดีๆซ่อนอยู่ในเหตุการณ์นี้ และเพื่อให้คุณยังคงความคิดที่ถูกต้องอยู่เสมอ คุณต้องถามคำถามที่สำคัญมากกับตัวเองว่า ถ้ามันยังมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณต้องเติบโตขนาดไหนที่จะยังคงรักษาความคิดที่สงบสุขในใจของคุณ คุณต้องใส่ใจกับความคิดที่ว่า ฉันต้องเติบโตด้วยคุณภาพแบบไหน คุณภาพของฉันถึงจะปรากฏออกมา และในที่สุด ความรู้สึกเจ็บปวดจากเหตุการณ์ไม่ดีต่างๆที่เข้ามาก็จะทำให้เรารู้สึกเสียใจ น้อยลง น้อยลง จนไม่รู้สึกอะไร

Leave a Reply

 
 

Total Pageviews

Ideas Delivery

เรื่องเล่า วันสบาย...!

Day comfort

Graphic Design

Work at home on the internet.